สรุป 6 Theme หลักของ Session “Technology Trends in Workplace ที่ต้องอัปเดตปี 2024” จากงาน PPC2024สรุป

สรุป 6 Theme หลักของ Session “Technology Trends in Workplace ที่ต้องอัปเดตปี 2024” จากงาน PPC2024สรุป

              หากพูดถึงเทรนด์การทำงานในปัจจุบันแล้ว สิ่งที่นอกเหนือจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ก็คงหนีไม่พ้น “เทรนด์เทคโนโลยี” สำหรับองค์กร ที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว และได้เข้ามาผสมผสานกับการทำงานมากขึ้น เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพไปพร้อมกับการพัฒนาความสามารถของพนักงาน 
             คุณลิงค์ จอมทรัพย์ สิทธิพิทยา CEO & Co-Founder ของบริษัท Exzy ผู้เชี่ยวชาญด้าน Smart Office Technology ที่ได้มาเป็น Speaker พร้อมแชร์มุมมองผ่านหัวข้อ “Technology Trends in Workplace ที่ต้องอัปเดตปี 2024” ภายในงาน People Performance Conference 2024 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา
             สิ่งที่จะอยู่กับองค์กรและสถานที่ทำงานของพนักงานในระยะยาว นั่นคือการมี “Smart & Sustainable Workplace” ที่จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสถานที่ทำงาน เป็นแนวคิดที่เน้นออกแบบสถานที่ทำงานให้มีสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่น พร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เราตามมาอ่าน 6 Themeใหม่ที่องค์กรต้องรับมือ และพร้อมพัฒนา กันเลย!

6 Theme “Smart & Sustainable Workplace” ที่องค์กรควรเตรียมพร้อมรับมือ

1. AI Advancement

เทคโนโลยี AI ในปัจจุบันส่งผลให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ทั้งบุคคล ระบบ และสภาพแวดล้อมในการทำงานในรูปแบบใหม่ ยกตัวอย่างเช่น

  • ระบบจองห้องประชุมด้วย AI” – การใช้ AI Chatbot เพื่อค้นหาห้องว่าง พร้อมเชิญผู้เข้าร่วมได้อัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก
  • ครื่องชงกาแฟด้วย AI” – เครื่องชงกาแฟที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรม รวมถึงความชอบของแต่ละคน แล้วสามารถให้คำแนะนำการใช้งานที่เหมาะสม แนะนำสูตรกาแฟ การปรับตั้งค่าต่าง ๆ

การมีเทคโนโลยี AI ใน Workplace จะช่วยยกระดับประสบกาณ์การทำงานของพนักงานได้อีกขั้น

2. Net Zero & ESG Performance

การนำเทคโนโลยีสะอาดและพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

โดยเทคโนโลยี Smart Workplace & Sustainable Workplace ที่เกี่ยวข้องกับ “Net Zero & ESG” ได้แก่

  • ระบบที่เข้ามาช่วยควบคุมการใช้พลังงานขององค์กร อย่างการเปิด-ปิดแอร์หรือความสว่างของไฟภายในสำนักงาน
  • ระบบที่ตรวจจับความหนาแน่นของคนในสำนักงานผ่านกล้องหรือเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละช่วงเวลาให้ได้สภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม สามารถลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งลดปัญหาการดูแลระบบและการซ่อมบำรุงด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อพนักงานและองค์กร
  • ระบบเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในถังขยะ เพื่อตรวจจับการล้นของถังขยะ และส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังทีมงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้มาทำการเก็บขนได้ทันเวลา สร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดเรียบร้อย

3. Hybrid Workplace Support

จากเทรนด์รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working ในปี 2024 องค์กรควรจะปรับรูปแบบออฟฟิศให้รองรับให้เป็น “Hybrid Workplace” มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมความยืดหยุ่นในการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น

  • การมี Satellite Office (ออฟฟิศสำนักงานสาขาย่อย) ที่ช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ลดพื้นที่จากสำนักงานใหญ่ รวมทั้งทำให้พนักงานมีพื้นที่ทำงานใกล้บ้าน เพราะบ้านไม่ได้ตอบโจทย์กับการทำงานได้ 100%

โดยนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่ออฟฟิศ มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนอื่นๆเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น การมีนโยบายการทำงานแบบ 3/2 คือการเข้าทำงานที่ออฟฟิศ 3 วัน และ ให้พนักงานได้ Work from Anywhere 2 วัน

  • ระบบ Video Conference ที่ช่วยให้การประชุมสื่อสารได้อย่างราบรื่นได้จากระยะไกล
  • ระบบ Hot Desk จองโต๊ะทำงานส่วนกลาง ที่พนักงานสามารถจองโซนทำงานได้เอง โดยไม่ได้จำกัด Area นั้นๆ
  • ระบบ Smart Locker ที่คอยให้ความสะดวกและปลอดภัย สำหรับเก็บสัมภาระของพนักงาน ลดพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมมีระบบที่บริหารจัดการที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น

4. XR (Extended Reality)

XR หรือเทคโนโลยี Immersive ที่รวมเทคโนโลยีจำพวก VR (Virtual Reality), AR (Augmented Reality) และ MR (Mixed Reality) เข้าด้วยกัน

ในหลายองค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวกับด้าน Research and Development เริ่มเพิ่มพื้นที่ในการประชุม หรือเน้นพื้นที่การทำงานร่วมกัน (Collaboration) โดยใช้เทคโนยี XR สร้างสถานการณ์จำลองเพื่อการฝึกอบรมทักษะ หรือใช้เพื่อแสดงข้อมูลแบบจำลองในสภาพแวดล้อมจริง เพื่อช่วยในการออกแบบและพัฒนาให้ง่ายขึ้น

เทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของพนักงานแบบใหม่ให้มีส่วนร่วมและมีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น

5. Data Driven Workplace

ในยุค Digital องค์กรควรใช้ Workplace Data มาเป็นข้อมูลในการสนับสนุนการวางแผนและจัดการพื้นที่สำนักงานได้อย่างแม่นยำ

โดยการการสร้าง Data Driven Workplace จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยี Smart Workplace ทั้งในส่วนของ พนักงาน (People) และ สำนักงาน (Place) ตัวอย่างเช่น

  • การมี IoT (Internet of Things) เพื่อเก็บข้อมูล พร้อมวางแผนจำนวนและขนาดของพื้นที่ทำงาน (Workspace)
  • Big Data Analytics เพื่อวิเคราะห์และจัดสรรพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ร่วมกันของพนักงาน เป็นต้น

Data Driven Workplace ตรงนี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจพนักงาน พร้อมสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพนักงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ง่ายมากขึ้น

6. Seamless Experience

ในปี 2024 องค์กรควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานของพนักงาน โดยองค์กรจำเป็นต้องวิเคราะห์ความต้องการและประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้ง

เพื่อออกแบบกระบวนการและระบบงานที่เอื้ออำนวยความสะดวก พร้อมนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาสนับสนุนการสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น อย่างเช่น

  • การมี All-in-One Platform หรือ Application ที่ใช้งานภายในออฟฟิศ เช่น การจองโต๊ะทำงาน การจองห้องประชุม การ Check-in เข้าทำงานผ่านระบบ จะช่วยให้พนักงานมีประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องสลับระบบให้ยุ่งยาก เป็นต้น

และทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของ Theme “Smart Workplace & Sustainable Workplace” ซึ่งเป็นเรื่องที่องค์กรจำเป็นต้องรับมือ และเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้บริหารจัดการพื้นที่ทำงาน รวมถึงโซลูชันต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานของพนักงาน และยังต้องปรับให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานในยุคปัจจุบันอีกด้วย

องค์กรไหนสนใจสอบถาม Smart Office Solution

Add Line: @exzysmartoffice (มี@ นำหน้า) หรือ คลิก! https://lin.ee/YaFtZSE

โทร. 095-919-1963 หรือ อีเมล: contact@exzy.me