Floating Widget Example
9 โซลูชัน Smart Office เปลี่ยนการทำงานทั้งวันของคุณให้ Productive มากยิ่งขึ้น

9 โซลูชัน Smart Office เปลี่ยนการทำงานทั้งวันของคุณให้ Productive มากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันรูปแบบการทำงานและรูปแบบ Office มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี Smart Office จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงแต่การเน้นภาพลักษณ์อย่างเดียว

ตามมาดูกันว่าใน 1 วันมีเทคโนโลยี Smart Office อะไรบ้างที่จะมาช่วยตอบโจทย์การทำงานของพนักงานให้ได้อย่างลงตัว

1. Smart Parking ( ระบบบริหารลานจอดรถ )

พนักงานสามารถเข้าจอดรถได้อย่างง่ายดายซึ่งระบบมาพร้อมกับป้ายบอกจำนวนที่จอดรถที่ว่างไม่ต้องเสียเวลาแลกบัตร โดยมีเครื่องแสกนป้ายทะเบียนเปิด-ปิด อัตโนมัติ สะดวกและรวดเร็ว โดยหากวันไหนมีลูกค้ามาเข้าพบที่บริษัท เราก็สามารถใส่ป้ายทะเบียนของลูกค้าเข้าไปในระบบ

2. Commercial Display ( ป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิตอล )

เมื่อเข้าสู่ภายในอาคารสำนักงาน สิ่งแรกที่จะเห็นคือป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิตอล (Digital Signage) ที่นำเสนอข่าวสารในองค์กรออกมาได้อย่างน่าสนใจดึงดูดให้พนักงานแวะอ่านข้อมูลบนป้ายประชาสัมพันธ์มากกว่าเดิม

ปรับแต่งเนื้อหาและแสดงผลได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนป้ายในแต่ละข่าวหรือแสดงข้อมูลได้ตามเวลาจริง ทำให้ข้อมูลมีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสีสันของป้ายที่สดใส ลูกเล่นมากมาย แถมยังไม่เปลืองทรัพยากรอีกด้วย

 

3. Door Access Control System (ระบบควบคุมการเข้า-ออก)

ถัดเข้ามาอีกหน่อยก็พบกับประตูที่เราจะต้องแสกนหน้าหรือใช้ QR Code ในการสแกนเข้า-ออกพื้นที่ถึงจะสามารถเข้าแต่ละโซนได้ด้วย Access Control มีความสะดวกและจำกัดโซนได้อย่างดี อย่างพนักงานฝ่ายขายก็ไม่สามารถเข้าโซนฝ่ายผลิตได้ เข้าได้เฉพาะตามสิทธิ์ที่ได้รับในออฟฟิศบริเวณต่างๆ 

4. Smart Meeting Room Booking (ระบบจองห้องประชุม)

การประชุมเป็นเรื่องปกติของการทำงานเลยก็ว่าได้ ปัญหาที่ทุกองค์กรเจอเหมือนกันหนีไม่พ้นกับการจองห้องประชุมแล้วไม่ได้ใช้ จองห้องประชุมซ้อนกัน หรือขั้นตอนการจองห้องประชุมที่ยุ่งยาก

ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยการมีระบบจองห้องประชุมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่น “W+ Meet in Touch “ ระบบจองห้องประชุมอัจฉริยะที่มาพร้อมหน้าจอหน้าห้องประชุม

ระบบสามารถเชื่อมต่อกับ Email Calendar ที่ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการประชุม และที่สำคัญมีระบบ Check-in พนักงานสามารถเช็คอินห้องประชุมเพื่อยืนยันการใช้งาน หากไม่เช็คอิน ระบบจะทำการยกเลิกห้องประชุมโดยอัตโนมัติ

หน้าจอจะทำหน้าที่แสดงสถานการจองห้องประชุมทำให้เราสามารถรับรู็ได้ว่าห้องประชุมมีคนใช้งานอยู่หรือไม่ ใครเป็นผู้จอง เป็นต้น

5. Video Conference (การประชุมออนไลน์)

การประชุมออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน ไม่ว่าจะคุยกับคนในทีมที่อยู่คนละที่กันหรือประชุมคุยงานกับลูกค้า และทุกครั้งก่อนเริ่มมีการประชุมต้องมานั่งเสียเวลากับการเตรียมอุปกรณ์ เช็คไมโครโฟน ปรับมุมกล้อง

ดังนั้นการที่มีเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิทัล อย่างเช่น Yealink แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ช่วยให้การประชุมออนไลน์สะดวกและใช้งานง่าย

มี AI camera ในการช่วยปรับมุมกล้องอัตโนมัติ หมดปัญหาความยุ่งยากในการปรับกล้องเอง รองรับการใช้งานผ่าน Teams / Zoom ไมโครโฟนที่สามารถตัดเสียงรอบข้างและลำโพงที่มาด้วยกัน All-in-One ของการประชุมออนไลน์กันเลยทีเดียว เพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับการประชุมออนไลน์ของคุณมากยิ่งขึ้น

6. Interactive Whiteboard ( กระดานอัจฉริยะ )

ส่วนภายในห้องประชุมขาดไม่ได้กับ Interactive Whiteboard (กระดานอัจฉริยะ) ที่ตอบโจทย์การทำงานแบบ Collaboration ช่วยให้เราสามารถขีดเขียนบนจอเพื่อ Comment หรือ brainstorm ได้อย่างง่ายดาย

Hikvision Interactive Whiteboard : กระดานอัจฉริยะจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เป็น All-in-One ที่รวมรวม 4 อุปกรณ์ในห้องประชุมเข้ามาไว้ที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น

  1. Whiteboard : มาพร้อมกับปากกา brainstorm ได้อย่างไร้รอยต่อ เขียนเสร็จแชร์ผ่าน QR Code ไม่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้
  2. Projector : แชร์เนื้อหาได้ด้วย Wireless Sharing ไม่ต้องใช้สายให้มากมาย
  3. Video Conference : ประชุมออนไลน์ได้ มีกล้องที่มากับตัวเครื่องความคมชัดระดับ 4K
  4. Computer : ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างไม่จำกัด มี Google Play Store รองรับการใช้งานในแบบของคุณ

ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพิ่ม Productivity ในการประชุมและการทำงานของพนักงานได้มากยิ่งขึ้น

7. Hot Desk Booking System ( ระบบจองโต๊ะทำงาน )

ปัจจุบันเทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Working ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นใน โดยหลายองค์กรให้ความสำคัญพื้นที่ส่วนกลางมากยิ่งขึ้น เป็นพื้นที่ใช้สำหรับการทำงานแบบ Collaboration + Focus Productivity ในการทำงาน

ดังนั้นการมีระบบจองโต๊ะทำงานส่วนกลาง อย่างเช่น “W+ Co Desk” จะช่วยองค์กรสามารถบริหารจัดการโต๊ะทำงานมีความเป็นระบบและระเบียบมากยิ่งขึ้น

รวมถึงองค์กรสามารถวัดผลผ่าน Workplace Analytics ช่วยให้การพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ออฟฟิศแม่นยำมากยิ่งขึ้น

8. Smart Locker System (ระบบบล็อกเกอร์อัจฉริยะ)

นอกเหนือระบบจองโต๊ะทำงานส่วนกลางที่จำเป็นสำหรับ Hybrid Workplace แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือระบบ Smart Locker เนื่องจากพื้นที่ทำงานส่วนกลางจะไม่มีที่เก็บสัมภาระเหมือนกับพื้นที่ทำงานส่วนตัว

อย่างเช่น W+ Lockerspace ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การเก็บสัมภาระในพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างลงตัว รองรับการใช้งานได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น QR Code / บัตรพนักงาน หรือ Mobile Application เป็นต้น

9. Mobile Application

ในยุค Mobile-First ในปัจจุบัน ระบบ Smart Office ควรที่จะสามารถรองรับการใช้งานผ่านมือถือ รวมถึง การเชื่อมต่อหลากหลาย Solution เข้ามาไว้ภายใน Application เดียวกัน อย่างเช่น “W+ Mobile App” แอปพลิเคชัน สามารถจองผ่านบนมือถือได้เลยในทันทีพร้อมกับดูข้อมูลการจอง การใช้ห้องได้อย่าง real time อีกทั้งยังเป็นระบบ Clock in Clock out ในแต่ละวันของการทำงาน

สรุป

ถึงตอนนี้หลายคนพอจะเห็นภาพแล้วว่าการทำงาน 1 วันในองค์กรที่ใช้เทคโนโลยี Smart Office ทำให้ชีวิตการทำงานสะดวกสบายมากขึ้นยังไง รวมถึงมีเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ช่วยในการทำงาน

สำหรับองค์กรไหนที่สนใจอยากใช้ Solution Smart Office จากบทความข้างต้นสามารถติดต่อทาง Exzy เข้าไปช่วยให้คำปรึกษาด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญในระบบ Smart Office ติดต่อได้ที่นี่เลย  https://lin.ee/YaFtZSE  

 

Related Posts